ข่าวสารกิจกรรม
การก่อสร้างหรือปรับปรุงอาคาร ตามมาตราฐาน GMP
01 มิถุนายน 2021

การก่อสร้างหรือปรับปรุงอาคาร ตามมาตราฐาน GMP 

การก่อสร้างหรือปรับปรุงอาคาร เพื่อใช้เป็นอาคารผลิตอาหารหรือเครื่องดื่ม จะต้องดำเนินการให้ตัวโครงสร้างอาคารสอดคล้องกับข้อกำหนดตาม GMP (Good Manufacturing Practice) โดยมีรายละเอียดดังนี้
          1. ทำเลที่ตั้งโรงงานควรอยู่ห่างจากแหล่งกำจัดขยะ แหล่งที่มีฝุ่นควัน แหล่งเพาะพันธุ์สัตว์ หรือบริเวณที่มีกลิ่นแปลกปลอม
          2. สถานที่ตั้งตัวอาคารและบริเวณโดยรอบสะอาด ไม่ปล่อยให้มีการสะสมสิ่งที่ไม่ใช้แล้ว หรือสิ่งปฏิกูลอันอาจเป็นแหล่งเพาะพันธุ์สัตว์นำโรคและแมลง รวมทั้งเชื้อโรคต่าง ๆ ขึ้นได้
           3. สภาพแวดล้อมรอบโรงงานต้องไม่รกรุงรัง ถ้ามีสนามหญ้าต้องตัดหญ้าให้สั้น เพื่อไม่ให้เป็นแหล่งซุกซ่อนของสัตว์พาหะนำโรค หากเป็นไปได้ควรทำเป็นพื้นซีเมนต์รอบโรงงาน เพื่อให้ทำความสะอาดได้ง่ายและสามารถเดินตรวจรอบโรงงานได้สะดวก ควรหลีกเลี่ยงการปลูกต้นไม้ใหญ่ใกล้อาคารผลิต เพื่อป้องกันปัญหาจากนกและแมลง 
           4. สาธารณูปโภค โรงงานต้องมีแหล่งน้ำใช้ที่ดี มีแหล่งไฟฟ้าที่เพียงพอ อยู่ใกล้แหล่งวัตถุดิบหรือมีการคมนาคมที่สะดวก มีแรงงานเพียงพอ รวมถึงมีพื้นที่ในการกำจัดของเสียและขยะ
           5. บริเวณพื้นที่ตั้งตัวอาคารไม่มีน้ำขังแฉะและสกปรก และมีท่อระบายน้ำเพื่อให้ไหลลงสู่ทางระบายน้ำสาธารณะ
           6. มีพื้นที่เพียงพอที่จะติดตั้งเครื่องจักรและอุปกรณ์ที่ใช้ในการผลิตให้เป็นไปตามสายงานการผลิตอาหารแต่ละประเภท และแบ่งแยกพื้นที่การผลิตเป็นสัดส่วน เพื่อป้องกันการปนเปื้อนอันอาจเกิดขึ้นกับอาหารที่ผลิตขึ้น
           7. ไม่มีสิ่งของที่ไม่ใช้แล้วหรือไม่เกี่ยวข้องกับการผลิตอยู่ในบริเวณผลิต
           8. จัดให้มีแสงสว่างและการระบายอากาศที่เหมาะสมเพียงพอสำหรับการปฏิบัติงานภายในอาคารผลิต
           9. พื้นควรทำด้วยวัสดุที่ทนทาน มีความแข็งแรงเพียงพอที่จะรับน้ำหนักเครื่องจักรและอุปกรณ์การผลิตมีความทนทานต่อแรงกระแทก ไม่ดูดซับน้ำ ผิวเรียบไม่มีรอยแตกร้าว ไม่กัดกร่อน ทำความสะอาดและฆ่าเชื้อได้ง่าย ทนต่อน้ำยาทำความสะอาด สารเคมี และทนความร้อน
          10. พื้นควรมีผิวเรียบแต่ต้องไม่ลื่น อาจจะเคลือบด้วยวัสดุที่ทนต่อการกัดกร่อนและแรงกระแทก เช่น อีพ็อกซีเรซิน (Epoxy resin) หรืออะคริลิกเรซิน (Acrylic resin) หรือยางคลอริเนตเต็ดบิวทาไดอีน และสไตรีน (Chlorinated and Styrene Butadiene Rubber)
          11. พื้นควรลาดเอียงเพียงพอที่จะระบายน้ำได้ โดยลาดเอียงสู่ทางระบายน้ำ ซึ่งไม่ควรห่างมากกว่า 5 เมตร โดยทำมุม 1 ใน 40 เพื่อไม่ให้น้ำนอง
          12. ทางระบายน้ำต้องมีเพียงพอที่จะระบายน้ำในระหว่างการผลิตได้ทัน
          13. ท่อหรือทางระบายน้ำควรมีตะแกรงดักเศษอาหารไม่ให้ท่ออุดดัน ปลายท่อระบายน้ำที่เปิดออกสู่นอกอาคารต้องมีตะแกรงปิดกั้นไม่ให้หนูหรือสัตว์นำโรคเข้ามาในบริเวณผลิตได้
          14. ท่อระบายน้ำควรมีความลาดเอียงให้น้ำไหลได้สะดวก ไม่ขังนิ่ง และลึกพอที่จะไม่ให้น้ำเอ่อล้น
          15. ท่อควรทำด้วยวัสดุที่ทนต่อการกัดกร่อน เช่นเหล็กปลอดสนิม หรือ PVC. ภายในท่อควรโค้งมนเพื่อให้สามารถทำความสะอาดได้ง่าย
           16. ทางระบายน้ำควรมีฝาปิดแบบโปร่งเพื่อมองเห็นภายในได้ และสามารถยกออกเพื่อล้างทำความสะอาดท่อได้ง่าย
           17. ประตูควรทำด้วยวัสดุที่มีผิวเรียบ ไม่ซึมน้ำ ควรทำจากโลหะ สามารถทำความสะอาดและฆ่าเชื้อได้ง่าย ไม่ควรทำจากไม้หรือติดกระจก หากติดกระจกต้องติดฟิล์มป้องกันการกระจายของกระจกกรณีกระจกแตก ประตูต้องปิดได้สนิทและแนบพอดีกับวงกบ
            18. ขอบวงกบควรพอดีกับผนัง เพื่อป้องกันการสะสมฝุ่นละอองและสิ่งสกปรก ประตูที่เปิดออกสู่ภายนอกอาคารต้องติดม่านพลาสติก ซึ่งเป็นแผ่นพลาสติกซ้อนกันเพียงพอที่จะป้องกันแมลงได้
            19. ประตูที่เปิดออกสู่ภายนอก เช่นประตูบริเวณรับวัตถุดิบ หรือบริเวณทิ้งขยะ ควรเป็นประตูสองชั้นเพื่อป้องกันแมลงเข้าสู่อาคาร การเปิดประตูต้องเปิดเพียงประตูเดียวขณะใช้งาน เช่นเปิดประตูชั้นด้านนอกเพื่อรับวัตถุดิบ ขณะที่ประตูชั้นด้านในที่เปิดสู่บริเวณผลิตปิด เมื่อรับวัตถุดิบเสร็จปิดประตูชั้นด้านนอก แล้วค่อยเปิดประตูชั้นด้านในนำวัตถุดิบเข้าบริเวณผลิต
             20. หน้าต่างควรทำด้วยวัสดุที่ไม่ซึมน้ำ สามารถทำความสะอาดและฆ่าเชื้อได้ง่าย ไม่ควรทำจากไม้ บานกระจกควรใช้พลาสติกใสที่ทนต่อความร้อน หากจำเป็นต้องเป็นบานกระจกต้องติดฟิล์มที่กระจกเพื่อป้องกันการแตกกระจายของเศษกระจก กรณีกระจกแตก
             21. หน้าต่างที่เปิดได้เพื่อระบายอากาศหรือความร้อน ต้องติดมุ้งลวดที่มีตาข่ายถี่พอที่จะป้องกันแมลงและนกได้ มุ้งลวดนี้ต้องสามารถถอดล้างได้ง่าย หน้าต่างควรปิดได้สนิท ไม่มีช่องโหว่รอบขอบบานหน้าต่าง
             22. ขอบฐานหน้าต่างควรเอียงทำมุมอย่างน้อย 45 องศา ทั้งด้านในและด้านนอกอาคารเพื่อไม่ให้เป็นที่สะสมของฝุ่นละออง ทำความสะอาดได้ง่าย และช่วยป้องกันไม่ให้เป็นที่เกาะของนก หรือเป็นทางเดินของสัตว์นำโรค และส่วนลาดเอียงของขอบหน้าต่างด้านในจะช่วยป้องกันไม่ให้เป็นที่วางของวัสดุต่างๆ เช่นนอต หรือตะปู เป็นต้น

ขอบคุณข้อมูลจาก กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม